Article Detail Page Background

พิกัดที่เที่ยว 6 อุทยานแห่งชาติ และ 6 วนอุทยาน ในประเทศไทย

24 ธันวาคม 2567

อุทยานแห่งชาติและวนอุทยานในประเทศไทย เต็มไปด้วยความสวยงามและบรรยากาศที่จะทำให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปจากชีวิตประจำวัน เพื่อน ๆ ที่อยากพักผ่อนแบบชิลล์ ๆ ใกล้ชิดธรรมชาติ เลือกสถานที่ที่ชอบ เก็บกระเป๋า แล้วออกเดินทางไปเที่ยวกัน !  

พิกัดที่เที่ยว 6 อุทยานแห่งชาติ

1. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีภูเขาสลับซับซ้อนและป่าอุดมสมบูรณ์จุดเด่นคือยอดภูหมันขาวที่สูงที่สุด และป่าเขียวครึ้มที่เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญ ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย เช่น ลานหินปุ่มที่มีหินรูปร่างแปลกตา ผาชูธงที่มองเห็นวิวกว้างไกล และน้ำตกหมันแดงที่ยิ่งใหญ่พร้อมรอยเท้าไดโนเสาร์ให้ชม

นักท่องเที่ยวยังสามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้จากจุดชมวิวต่าง ๆ เช่น ภูแผงม้า และสนุกกับการเดินป่าที่โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ พร้อมสัมผัสทุ่งดอกกระดาษสวย ๆ ในหน้าหนาวนี้ได้เลย



ที่อยู่ : ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2331 ตำบล เนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา : 06.00 - 18.00 น.
เบอร์โทร : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 096 020 0992
Facebook : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า - https://www.facebook.com/PhuhinrongklaNP
Google map : https://maps.app.goo.gl/7ZcekAYTLRPAMkTP

2. อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่

อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสุดอุดมสมบูรณ์ในเชียงใหม่

จุดเด่นของดอยฟ้าห่มปก คือ ป่าที่อุดมสมบูรณ์ เจอได้ทั้งนก ผีเสื้อหายาก และพันธุ์พืชแปลกตา ส่วนบนยอดดอยจะได้ชมทะเลหมอก พร้อมวิวธรรมชาติริมชายแดนไทย-เมียนมา และเพื่อน ๆ ที่ชอบความท้าทายก็ต้องชอบแน่นอน เพราะเส้นทางสำหรับเดินขึ้นดอย มีให้เลือกถึง 3 เส้นทางเลย (ผู้ที่สนใจต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าไว้ด้วยยนะ) ส่วนด้านล่าง มี "โป่งน้ำร้อนฝาง" บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่อุณหภูมิเดือดจนพุ่งเป็นไอสูง 40-50 เมตร มีบริการห้องอาบน้ำแร่และเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติด้วย

อีกหนึ่งไฮไลต์ คือ "โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่" ที่เปิดโอกาสให้สัมผัสชีวิตชาวเขา 4 เผ่าแบบใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการชมแปลงเกษตร นาขั้นบันได หรือพักแบบโฮมสเตย์ในบ้านชนเผ่า พร้อมเลือกซื้อสินค้าทำมือจากคนท้องถิ่น ทั้งเครื่องเงิน ผ้าทอ และงานแกะสลัก เที่ยวครบจบทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และกิจกรรมสุดชิลในที่เดียว



ที่อยู่ : 224 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา : 08.00 - 18.00 น.
เบอร์โทร : อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก 084 483 4689
Facebook : อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก - https://shorturl.asia/FNrRK
Google map : https://maps.app.goo.gl/U4BARUPykUUrjKi2A

 

3. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

ดอยอินทนนท์เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 6 ของไทย มีความสูงถึง 2,565 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดในประเทศไทยเลย ภูมิประเทศของดอยอินทนนท์เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัย และเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำปิงด้วย
 


เดิมเรียกว่า "ดอยหลวง" หรือ "ดอยอ่างกา" แต่เปลี่ยนชื่อเป็น "ดอยอินทนนท์" บนยอดดอยอินทนนท์มักเย็นและชื้นตลอดปี โดยเฉพาะช่วงหนาวจัดในเดือนธันวาคม-มกราคมของทุกปี อุณหภูมิจะต่ำถึง 0 องศาเซลเซียสและเกิดน้ำค้างแข็งหรือแม่คะนิ้งด้วย เหมาะแก่การไปเที่ยวในช่วงปีใหม่นี้สุด ๆ
 



ที่อยู่ : 119 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ - วันอาทิตย์ 05.00–18.00 น.
เบอร์โทร : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 053 286 729
Facebook : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ - https://www.facebook.com/DoiInthanonNationalPark?locale=th_TH
Google map : https://maps.app.goo.gl/BG32QUdmWQdNVkry5 


4. อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของคนรักทะเล มีความโดดเด่นเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ ทั้งหาดทรายขาวนุ่ม น้ำทะเลสีใส เหมาะแก่การดำน้ำดูปะการัง แล้วยังมีภูเขาหินปูนรูปทรงแปลกตาให้ได้ชมด้วย

แนะนำว่าให้ไป Check-in กันที่ “หาดนพรัตน์ธารา” ซึ่งเป็นชายหาดที่ทอดยาวกว่า 3 กิโลเมตร ตลอดชายฝั่งมีต้นสนและร่มเงาไม้ใหญ่ บริเวณหาดสามารถมองเห็นหมู่เกาะและเกาะหินปูนที่ตั้งอยู่ในทะเลได้อย่างชัดเจนโดยเฉพาะในช่วงน้ำลงจะสามารถเดินข้ามไปยังเกาะเล็ก ๆ ใกล้ชายฝั่งได้

 


ช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดคือช่วงนี้เลย ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน - เมษายน เนื่องจากเป็นช่วงที่มีสภาพอากาศดีที่สุด น้ำทะเลใสสะอาด และคลื่นลมสงบ สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่อย่าง การเล่นน้ำ พายเรือ
 



ที่อยู่ : 79 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา 08.30–16.30
เบอร์โทร : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 075 661 145
Facebook : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี - https://www.facebook.com/Hatnoppharatthara.Nationalpark
Google map : https://maps.app.goo.gl/jEAbUHpmFxeDCEeZ9

 

5. อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า จังหวัดระยอง

อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติ ทั้ง หาดทราย ป่าดงดิบ และเกาะน้อยใหญ่ให้ได้เที่ยวชมกันเพียบ โดยเฉพาะ “เกาะเสม็ด” ที่มีหาดทรายขาวนุ่ม น้ำทะเลใส เหมาะแก่การเล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการังสุด ๆ แถมยังมีสัตว์ป่า ให้ได้เจอ ไม่ว่าจะเป็นลิง กระรอก หรือแม้แต่ปลาสวยๆ นอกจากนี้ บริเวณอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้ได้เดินป่าชมวิวสวย ๆ อีกด้วย 
 


ช่วงที่เหมาะสมสำหรับการมาเที่ยวก็คือช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ อากาศจะเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส ถูกใจเพื่อน ๆ ที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งแน่นอน แต่ถ้ามาช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน ต้องระวังเรื่องคลื่นลมแรงด้วย เพราะอาจจะทำให้การเดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ ไม่สะดวกเท่าไหร่
 



ที่อยู่ : 79 ตำบลเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา : 08.30 - 18.00 น.
เบอร์โทร : อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า 038 653 034
Facebook : อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด https://www.facebook.com/sametnationalpark?mibextid=ZbWKwL
Google map : https://maps.app.goo.gl/8vPLGSEgE9xMNEMF8 

 

6. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา
 

หมู่เกาะสุรินทร์ อัญมณีแห่งท้องทะเลอันดามัน เป็นหมู่เกาะที่มีความสวยงามทั้งบนเกาะและใต้ทะเล โดยเฉพาะแนวปะการังที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีเกาะหลักๆ 5 เกาะ ได้แก่ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะไข่ เกาะกลาง และเกาะรี นอกจากนี้ยังมี “กองหินริเชริว” ที่เพิ่มเข้ามาในพื้นที่อุทยานฯอีกด้วย เอกลักษณ์เฉพาะตัวคือของที่นี้คือ “อ่าวช่องขาด” ที่เมื่อน้ำลงจะสามารถเดินข้ามไปมาระหว่างเกาะสุรินทร์เหนือและใต้ได้ 


นอกจาก “หมู่เกาะสุรินทร์” จะมีแนวปะการังที่สวยงามหลากหลายชนิด ก็ยังมีสัตว์ทะเลที่น่าสนใจไม่แพ้กันอย่าง ฉลามวาฬ เต่าทะเล และนกนานาชนิด โดยเฉพาะ “นกชาปีไหน” หรือ “นกกะดง” ซึ่งเป็นนกหายาก รวมถึงได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวมอแกน “ยิปซีแห่งท้องทะเล” ที่ยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม มีการทำประมงรวมถึงประดิษฐ์ของที่ระลึกเพื่อขายแก่นักท่องเที่ยวที่ได้มาเยี่ยมเยือน
 



กิจกรรมที่มาแล้วห้ามพลาด คือ การดำน้ำตื้นหรือฟรีไดร์ฟวิ่ง นอกจากนี้ บริเวณอ่าวต่างๆ ของหมู่เกาะก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป เช่น อ่าวแม่ยาย อ่าวไม้งาม และอ่าวสุเทพ ที่มีทั้งชายหาดที่สวยงามและแนวปะการังที่สมบูรณ์ เหมาะแก่การดำน้ำดูปะการังและพักผ่อนสุด ๆ

ที่อยู่ : ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา : 06.00 - 18.00 น.
เบอร์โทร : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ 076 472 145, 076 472 146
Facebook : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ - https://www.facebook.com/MukosurinNP
Google map : https://maps.app.goo.gl/AzqbUkQxvKot1LRv7

 

พิกัดที่เที่ยว 6 วนอุทยาน
 

1. วนอุทยานภูลังกา จังหวัดพะเยา

“วนอุทยานภูลังกา” สถานที่ที่คนรักธรรมชาติและการผจญภัยต้องโดนใจอย่างแน่นอน มีภูเขาสูงสลับซับซ้อนและทิวทัศน์ที่สวยงาม ช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม เป็นช่วงที่จะมีดอกไม้และกล้วยไม้ป่าบานสะพรั่ง ทำให้ธรรมชาติที่นี่เขียวขจีและสดชื่น ในฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงมกราคม อากาศจะเย็นสบายและเหมาะสำหรับการชมทะเลหมอกบนยอดภู โดยเฉพาะการเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวต่าง ๆ ที่สามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้อย่างชัดเจน
 


วนอุทยานภูลังกา มีเส้นทางเดินป่าที่ความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร เริ่มจากห้องเรียนธรรมชาติซึ่งเป็นสวนสมุนไพร ก่อนจะผ่านป่าก่อโบราณที่เต็มไปด้วยนกและพืชพันธุ์หายาก ยอดดอยภูลังกาเป็นจุดสูงสุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปได้ ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้จะได้เห็นวิวทิวทัศน์แบบ 360 องศา ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก นับเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด
 



ที่อยู่ : แม่ลาว ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา : 04.30 - 18.00 น.
เบอร์โทร : วนอุทยานภูลังกา 081-883-0307, 053-711-402
Google map : https://maps.app.goo.gl/nhhoZn2MDFhDKk1q9

 

2. วนอุทยานเขานางพันธุรัต จังหวัดเพชรบุรี

วนอุทยานเขานางพันธุรัต มีชื่อเสียงจากตำนาน “นางพันธุรัต” ในวรรณคดีเรื่อง “สังข์ทอง” ที่เล่าถึงนางพันธุรัตเป็นยักษ์ที่เลี้ยงพระสังข์เป็นบุตรบุญธรรม วันหนึ่งเมื่อพระสังข์หลบหนีนางไป นางพันธุรัตจึงเศร้าเสียใจและอกแตกตาย ทำให้ร่างของนางกลายเป็นภูเขาซึ่งเมื่อมองจากระยะไกลจะคล้ายกับคนกำลังนอนทอดยาวจนชาวบ้านเรียกภูเขาลูกนี้ว่า “เขานางพันธุรัต” หรือ “เขานางนอน” ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว
 


การเดินทางในวนอุทยานเขานางพันธุรัตจะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่นำพานักท่องเที่ยวไปยังจุดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำนาน เช่น ช่องกระจกนางพันธุรัต เมรุนางพันธุรัต และบ่อชุบตัวพระสังข์ นอกจากนี้ยังมีศาลแม่นางพันธุรัต ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่นักท่องเที่ยวสามารถไปสักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วย




ที่อยู่ : ตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา : 08.30-17.00 น.
เบอร์โทร : วนอุทยานเขานางพันธุรัต 098 686 0989
Facebook : วนอุทยานเขานางพันธุรัต - https://www.facebook.com/profile.php?id=100068123744561
Google map : https://maps.app.goo.gl/fqHhe4MYb6HcGthA8

 

3. วนอุทยานภูบ่อบิด จังหวัดเลย

วนอุทยานภูบ่อบิด อีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงามในจังหวัดเลย เมื่อขึ้นไปถึงยอดภูบ่อบิด ทุกคนจะได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์แบบ 360 องศา สามารถมองเห็นภูเขาและตัวเมืองเลยได้อย่างชัดเจน ยิ่งช่วงฤดูหนาวก็จะได้เห็นทะเลหมอกที่ปกคลุมไปทั่วภูเขาและสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างชัดเจนหรือในตอนเย็นที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม
 


 

ภูบ่อบิดยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติซึ่งการเดินทางขึ้นไปยังยอดภูบ่อบิดนั้น มีเส้นทางให้เลือกทั้งการใช้รถไถหรือเดินเท้าขึ้นไป โดยระยะทางประมาณ 670 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 20-30 นาที นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ใกล้เคียง เช่น ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองและตลาดบ้านแฮ่ ซึ่งเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวเมืองเลยที่นักท่องเที่ยวสามารถแวะไปสักการะและถ่ายรูปได้ด้วย




ที่อยู่ : 510 ถนนเจริญรัฐ ตำบลกุดป่อง อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา : 06.00-19.00 น.
เบอร์โทร : สำนักอุทยานแห่งชาติ 0 2561 0777 ต่อ 1723
Google map : ลาดจอดรถภูบ่อบิด https://maps.app.goo.gl/6pbdoHxiSihfiC5XA

 

4. วนอุทยานปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

วนอุทยานปราณบุรี” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทั้งในด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและการศึกษา มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนสะพานไม้ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ที่ทุกคนสามารถเดินชมความงามของป่าชายเลนอายุเกือบ 100 ปี พร้อมเรียนรู้เกี่ยวกับพืชพันธุ์และสัตว์ที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศนี้ได้
 


วนอุทยานปราณบุรี ถือเป็นศูนย์กลางในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการทำลายสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นปัญหาที่เราต้องเผชิญ วนอุทยานแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่ช่วยสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับคนรุ่นใหม่ และเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนร่วมกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน




ที่อยู่ : ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา : 08.00 - 17.00 น.
เบอร์โทร : วนอุทยานปราณบุรี 061 464 4951
Google map : https://maps.app.goo.gl/MKcQMeyF8oGTGd1u8

 

5. วนอุทยานท้าวโกษา จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

“เขากะโหลก” คือชื่อดั้งเดิมของ วนอุทยานท้าวโกษา เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทั้งในด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติมีชายหาดสวยงามและน้ำทะเลใส ทำให้เหมาะสำหรับการลงเล่นน้ำและทำกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ เช่น พายเรือแคนูและเจ็ตสกี นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารตั้งอยู่ ณ บริเวณริมชายหาด เพื่อความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยว 
 


 

“วนอุทยานท้าวโกษา” เป็นลักษณะภูเขาที่ไม่สูงมาก แต่มีความสลับซับซ้อนและมีถ้ำน้อยใหญ่อยู่มาก โดยเฉพาะรูกลวงขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้จากฝั่งทะเล ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักปีนเขา ทุกคนสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวได้ ใช้เวลาเพียงประมาณ 20-30 นาที และเมื่อถึงยอดสูงสุดจะได้สัมผัสกับวิวทะเลและภูเขาที่สวยงามแบบรอบทิศทางเลย




ที่อยู่ : ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เบอร์โทร : วนอุทยานท้าวโกษา 08 9047 6683
Facebook : วนอุทยานท้าวโกษา - https://www.facebook.com/MukosurinNP
Google map : https://maps.app.goo.gl/AzqbUkQxvKot1LRv7 

 

6. วนอุทยานหริรักษ์ จังหวัดเลย

“วนอุทยานหริรักษ์” มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายซึ่งประกอบด้วยป่าเบญจพรรณและป่าดิบชื้นที่มีความชุ่มชื้นสูง มี “อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำหมาน” เป็นจุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ โดยรอบอ่างเก็บน้ำจะมีภูเขาขนาดเล็กและต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะแวะมากางเต็นท์ที่ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำหมานถือเป็นจุดที่วิวดีที่สุดเพราะอยู่บริเวณกลางอ่างเก็บน้ำ ที่สามารถมองเห็นกระท่อมเล็ก ๆ ตั้งอยู่ตรงหน้า ทำให้บรรยากาศของที่นี้ ได้ฉายาว่า “ปางอุ๋ง เมืองเลย”
 


 

กิจกรรมสุดฮอตฮิตของที่นี้ คือ การล่องแพและการเดินชมธรรมชาติในบริเวณวนอุทยาน บรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่นของที่นี่จึงเหมาะสำหรับการพักผ่อนและสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเยือนวนอุทยานหริรักษ์คือช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ในช่วงนี้อากาศจะเย็นสบายและมีโอกาสได้เห็นไอหมอกที่ลอยเหนือผิวน้ำในยามเช้า ทำให้บรรยากาศโดยรอบอ่างเก็บน้ำสวยงามยิ่งขึ้น


ที่อยู่ : วนอุทยานหริรักษ์ ตำบลน้ำหมาน อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน 24 ชั่วโมง
เบอร์โทร : วนอุทยานหริรักษ์ 088 571 2424
Facebook : วนอุทยานหริรักษ์ - https://www.facebook.com/HarirakForestPark/
Google map : https://maps.app.goo.gl/cKF9ssVSVnxij7pg6

 

สำหรับใครที่วางแผนจะไปเที่ยวในอุทยานฯ มีข้อแนะนำ 3 ข้อง่ายๆ ให้การเดินทางของเพื่อน ๆ กรีนกว่าที่เคย

1. วางแผนจัดสัมภาระให้เหมาะสม ไม่นำขยะเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยว

2. เลี่ยงการเดินทางที่สร้างมลพิษ เช่น เที่ยวด้วยรถ 1 คัน แต่ไปกันหลาย ๆ คน และเลือกใช้ยานพาหนะที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ

3. ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยว

- พกแก้วน้ำ ขวดน้ำ หลอดส่วนตัว

- ใช้ปิ่นโต กล่องพลาสติกแบบใช้ซ้ำ

- พกถุงผ้า เว้นการใช้ถุง ช้อน ส้อมแบบพลาสติกที่ใช้ซ้ำไม่ได้

- พกสบู่ แชมพู แบ่งใส่ขวดแบบพกพา เพื่อลดการซื้อ-เพิ่มขยะพลาสติก

- เว้นการนำภาชนะพลาสติกหรือโฟมที่ใช้แล้วต้องทิ้ง เข้าเขตอุทยานแห่งชาติ
 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม FB : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. +66 2 561 0777

ภาพบทความ

ไม่มีรูปภาพ

ข่าวล่าสุด

ททท. จัดงาน NAS SUMMIT BANGKOK 2025 อีเวนต์ระดับโลกของคอนเท้นต์ครีเอเตอร์กว่า 1,000 ราย ร่วมแลกเปลี่ยนไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจ และถ่ายทอดประสบการณ์ท่องเที่ยวประเทศไทยไปทั่วโลก
ททท. ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพตลาดเม็กซิโกเที่ยวไทย ร่วมกับพันธมิตรเปิดตัวแคมเปญ Thailand Special Deal พร้อมปลุกเสน่ห์ไทยในงาน Thai Festival Mexico 2025 เฉลิมฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เม็กซิโกในปี 2568
ททท. เผย ประชาชนใช้สิทธิจองที่พัก “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เมืองหลักเต็มจำนวนแล้ว เชิญชวนใช้สิทธิ์เดินทางเมืองน่าเที่ยวต่อเนื่อง คาดหยุดยาววันแม่นักท่องเที่ยวไทยเดินทาง 3.16 ล้านคน-ครั้ง