Article Detail Page Background

นรม. พร้อมด้วย ครม. ลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดสนุก สั่งการให้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว พร้อมยกระดับเทศกาลไหลเรือไฟสู่สากล

29 เมษายน 2568
ข่าวเศรษฐกิจ

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามการตรวจราชการในจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 หรือกลุ่มจังหวัดสนุก (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร) ณ จังหวัดสกลนครและนครพนม พร้อมเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 ณ หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม จังหวัดนครพนม ภายใต้แนวคิด “เชื่อมโยงอนุภูมิภาคและจุดหมายการพักผ่อนริมโขง”ระหว่างวันที่ 28 – 29 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวและประชาชนในกลุ่มจังหวัดสนุกและอนุมัติงบ 30 ล้านบาทยกระดับเทศกาลไหลเรือไฟของประเทศไทยสู่ระดับสากล

วันที่ 28 เมษายน 2568 นางสาวแพทองธาร  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี ร่วมลงพื้นที่ ณ จังหวัดสกลนครและนครพนม เพื่อติดตามการตรวจราชการในจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร) โดยมีประเด็นการตรวจราชการในมิติด้านการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ การส่งเสริมและพัฒนาชุมชนแบบยั่งยืนผ่าน “นาหว้าโมเดล” ต้นแบบชุมชนพึ่งตนเองที่ยกระดับสินค้าภูมิปัญญาผ้าไทย เป็นแฟชั่นแห่งความยั่งยืน เป็นต้น และ ในช่วงเช้าวันที่ 29 เมษายน 2568 เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 2/2568 ณ หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม จังหวัดนครพนม นายกรัฐมนตรีได้มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เนื่องด้วยในปี 2568 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” ซึ่งรัฐบาลพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองสู่เมืองน่าเที่ยวชูจุดเด่น Grand Festivity ยกระดับเทศกาลงานประเพณี สร้างซอฟพาวเวอร์ให้แก่ประเทศไทย ชูโรง 3 เทศกาลช่วงออกพรรษา เพื่อสร้างความคึกคักดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวตลอดทั้งปี  ได้แก่ การยกระดับประเพณีไหลเรือไฟ จังหวัดนครพนม สู่มหกรรมเรือไฟโลก เพื่อนำเสนอคุณค่าวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก และงานแห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนคร เพื่อสืบสานวัฒนธรรมที่โดดเด่นจากขี้ผึ้งธรรมชาติ รวมถึงเทศกาลแข่งเรือยาวโบราณและประเพณีแข่งเรือยาวออกพรรษา เพื่อเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ เชื่อมโยงวัฒนธรรมสองฝั่งโขง ไทย – สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวและประชาชนในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร) ให้สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ครอบคลุมการเดินทางทั้งทางอากาศ ทางถนน และทางราง   

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 2/2568 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เตรียมวางแผนส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ได้แก่ จังหวัดนครพนม สกลนคร และมุกดาหาร โดยดึงจุดเด่นของพื้นที่ออกมาเป็นจุดขาย อาทิ การยกระดับการท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์ ตลอดจนพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพในอนาคต รวมทั้งเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ประกอบการและประชาชนได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมตลาดในพื้นที่ เนื่องด้วยทั้ง 3 จังหวัดเป็นเมืองน่าเที่ยวจึงเห็นควรพัฒนาวางแผนบูรณาการการท่องเที่ยวกับจังหวัดเป็นเส้นทางการท่องเที่ยว (Routing) เพื่อทำให้เกิดการท่องเที่ยวเชื่อมโยงภายในภูมิภาค โดยอาศัยความร่วมมือจากกลุ่มผู้ประกอบการนักธุรกิจรุ่นใหม่ Young Entrepreneur Chamber of Commerce (YEC) ในการเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยว เน้นจุดขายไปที่กลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวระยะไกล อาทิ นักท่องเที่ยวภูมิภาคยุโรปและอเมริกา โดยคาดว่าเส้นทางการท่องเที่ยว (Routing) จะดึงดูดท่องเที่ยวในมิติต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่น การท่องเที่ยวสายศรัทธา การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อเน้นการกระจายรายได้ภาคการท่องเที่ยวตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันผู้ประกอบการในพื้นที่ได้มีข้อเสนอแนะต่อกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อาทิ สิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่จังหวัดนครพนม พื้นที่ขนาดใหญในการจัดกิจกรรม (Dome) ตลอดจนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวสายศรัทธาเพี่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน  

ทั้งนี้ จากสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในปี 2567 พบว่า ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนรวมทั้งสิ้น 48,339,715 คน-ครั้ง แบ่งเป็นจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 45,028,321 คน-ครั้ง และ ผู้เยี่ยมเยือนต่างชาติ  3,311,394 คน-ครั้ง ขณะที่มีจำนวนรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 112,082.27 ล้านบาท โดยมาจากผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 102,658.72 ล้านบาท ผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติ 9,423.55 ล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปอยู่ที่ 2,318.64 บาทต่อคน อัตราเข้าพักเฉลี่ยร้อยละ 63.31 และในปี 2568  ตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2568  พบว่า มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนรวมทั้งสิ้น 12,963,968 คน-ครั้ง ( +7.31 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567) แบ่งเป็นจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 12,114,029 คน-ครั้ง ( +6.61 %)  และ ผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติ 849,939 คน-ครั้ง (+18.45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567) ขณะที่มีจำนวนรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 28,665.77 ล้านบาท ( +7.23%) โดยมาจากผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 26,283.21 ล้านบาท ( +6.21%) และผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติ 2,382.56 ล้านบาท (+ 19.96%) โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปอยู่ที่ 2,211.19 บาทต่อคน อัตราเข้าพักเฉลี่ยร้อยละ 67.92

ภาพข่าวประชาสัมพันธ์

ข่าวล่าสุด

ททท. จัดงาน NAS SUMMIT BANGKOK 2025 อีเวนต์ระดับโลกของคอนเท้นต์ครีเอเตอร์กว่า 1,000 ราย ร่วมแลกเปลี่ยนไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจ และถ่ายทอดประสบการณ์ท่องเที่ยวประเทศไทยไปทั่วโลก
ททท. ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพตลาดเม็กซิโกเที่ยวไทย ร่วมกับพันธมิตรเปิดตัวแคมเปญ Thailand Special Deal พร้อมปลุกเสน่ห์ไทยในงาน Thai Festival Mexico 2025 เฉลิมฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เม็กซิโกในปี 2568
ททท. เผย ประชาชนใช้สิทธิจองที่พัก “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เมืองหลักเต็มจำนวนแล้ว เชิญชวนใช้สิทธิ์เดินทางเมืองน่าเที่ยวต่อเนื่อง คาดหยุดยาววันแม่นักท่องเที่ยวไทยเดินทาง 3.16 ล้านคน-ครั้ง

ข่าวที่น่าสนใจ