Article Detail Page Background

รมว.กก. แถลง 7 นโยบายพลิกโฉมการท่องเที่ยวและกีฬาไทย ปักธงเป้าหมายรายได้การท่องเที่ยวสูงสุด 3.5 ล้านล้านบาท

17 มกราคม 2567
ข่าวเศรษฐกิจ

วันที่ 17 มกราคม 2567 ณ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวสุดาวรรณ  หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในงานแถลงข่าวแนวทางขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศ 7 นโยบายหลักพลิกโฉมท่องเที่ยวและกีฬา ชูซอฟต์พาวเวอร์เป็นขุมพลังใหม่ โดยฝั่งการท่องเที่ยวเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ขยายวันพักค้างเพิ่มค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เพื่อเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุดที่ 3.5 ล้านล้านบาทในปี 2567 ขณะที่การกีฬาเน้นส่งเสริมกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ และกีฬาอาชีพ ตลอดจนเดินหน้าเพิ่มมูลค่ากีฬาไทยในอุตสาหกรรมกีฬาโลก

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า
ปี 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามุ่งเดินหน้าพลิกโฉมการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยอย่างเต็มกำลัง ด้วย 7 นโยบายสำคัญ ภายใต้การบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวสูงสุด 3.5 ล้านล้านบาทในปี 2567 เพิ่มจากในปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้นกว่า 28 ล้านคนสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคาดว่ามีรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 100 จากปี 2565 ขณะที่เพิ่มส่วนแบ่งมูลค่ากีฬาไทยจากเดิม 0.58 % เป็น 1% จากภาพรวมอุตสาหกรรมกีฬาโลกที่มีขนาด 45.58 ล้านล้านบาท คิดเป็นมูลค่า 455,800 ล้านบาท

สำหรับ นโยบายที่ 1 กระทรวงฯ มุ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสู่โหมดของคุณภาพ ทั้งมิติของในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้การบูรณาการของทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของประเทศไทยคึกคักตลอดทั้งปี (365 วัน) และเป็น High season all year round tourism destination โดยเน้นการกระจายตัวนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ เพิ่มความถี่ในการเดินทาง ขยายจำนวนวันพักค้าง และเพิ่มค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว รวมทั้งยกระดับกิจกรรม Event ต่าง ๆ ในระดับชุมชนให้เป็น Event ในระดับนานาชาติ อาทิ เทศกาลตรุษจีน เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่จัดกิจกรรม

นโยบายที่ 2 ใช้พลังของ Soft Power เข้ามาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการกีฬาของประเทศไทยให้เป็น “the New Power Engine” และเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน Demand และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไทย

นโยบายที่ 3 ประเทศไทยจะให้ความสำคัญกับการยกระดับความปลอดภัยทั้ง Hospitality และ Safety แก่นักท่องเที่ยว โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะบูรณาการหน่วยงานในสังกัดผ่านศูนย์ CCOC โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกในการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวผ่านรูปแบบรถโมบายล์ถ่ายทอด และสร้างชุมชนเข้มแข็งผ่านการอบรมอาสาสมัครเข้าร่วมหลักสูตรดูแลนักท่องเที่ยวกว่า 600 ราย นอกจากนี้ ยังมีศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 1155 ที่มีระบบเชื่อมไปยังสถานีตำรวจและศูนย์นเรนทร ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยรับเรื่องตลอดเวลา 24 ชั่วโมง และเป็นศูนย์กลางการประสานงานของหน่วยงานต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตที่สามารถเข้าช่วยเหลือในทันที รวมทั้งเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายและปราบปรามการเอาเปรียบ หลอกลวงนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย

นโยบายที่ 4 มุ่งสู่ความยั่งยืน (High Value & Sustainability)  โดยจะขับเคลื่อนให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และบูรณาการร่วมกันกับท้องถิ่น ในการนำเสนอสินค้าท้องถิ่นและกิจกรรมท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย เตรียมพัฒนาสู่ความยั่งยืนตามแนวทางการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism) และการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Tourism for All)

นโยบายที่ 5 ใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการกระชับความสัมพันธ์ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสานต่อนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับการเดินทางเชื่อมโยงภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นโยบายที่ 6 ด้านกีฬาพื้นฐาน เร่งพัฒนาการการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาให้สามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งคนปกติ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งส่งเสริมกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ และกีฬาเพื่อการอาชีพที่ทุกระดับ โดยนำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยเพิ่มสมรรถนะให้กับนักกีฬาไทย เพื่อเตรียมความพร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ กีฬาอาชีพ รวมไปถึงส่งเสริมกิจกรรมกีฬาใหม่อย่าง E-Sport สร้างทักษะให้กับเยาวชน รวมทั้งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติและระดับโลก

นโยบายที่ 7 เตรียมพร้อมสำหรับมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ ซึ่งปี 2567 จะมีรายการแข่งขันระดับนานาชาติหลายรายการทั้งการส่งนักกีฬาไปร่วมแข่งขันกีฬา โอลิมปิกปารีส 2024 และการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน ได้แก่ เอเชียนอินดอร์ มาร์เชียลอาร์ตเกมส์ จักรยานยนต์โมโตจีพี เจ็ตสกีชิงแชมป์โลก ฮอนด้า แอลพีจี เอ ไทยแลนด์ 2024 รวมถึงการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปี 2568 ซึ่งมี 3 จังหวัดร่วมเป็นเจ้าภาพ ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี และสงขลา

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเชื่อมั่นว่าการดำเนิน 7 นโยบายข้างต้นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารวมถึงการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานภายใต้สังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมกีฬาไทยให้บรรลุสู่เป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ในปี 2567

ภาพข่าวประชาสัมพันธ์

ข่าวล่าสุด

ททท. จัดงาน NAS SUMMIT BANGKOK 2025 อีเวนต์ระดับโลกของคอนเท้นต์ครีเอเตอร์กว่า 1,000 ราย ร่วมแลกเปลี่ยนไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจ และถ่ายทอดประสบการณ์ท่องเที่ยวประเทศไทยไปทั่วโลก
ททท. ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพตลาดเม็กซิโกเที่ยวไทย ร่วมกับพันธมิตรเปิดตัวแคมเปญ Thailand Special Deal พร้อมปลุกเสน่ห์ไทยในงาน Thai Festival Mexico 2025 เฉลิมฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เม็กซิโกในปี 2568
ททท. เผย ประชาชนใช้สิทธิจองที่พัก “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เมืองหลักเต็มจำนวนแล้ว เชิญชวนใช้สิทธิ์เดินทางเมืองน่าเที่ยวต่อเนื่อง คาดหยุดยาววันแม่นักท่องเที่ยวไทยเดินทาง 3.16 ล้านคน-ครั้ง

ข่าวที่น่าสนใจ