Article Detail Page Background

2 กระทรวงจับมือ สร้างมาตรฐานท่องเที่ยวมั่นใจปลอดภัยด้วยสาธารณสุข มอบสัญลักษณ์ “SHA” แก่ผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์

25 พฤษภาคม 2563
ข่าวองค์กร

บ่ายวันนี้ (25 พฤษภาคม 2563) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกันแถลงข่าวโครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA โดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และภาคเอกชนเพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวควบคู่มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย โดยมีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานฯ ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม ชั้น 2 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ทำให้ ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่นับจากปลายเดือนเมษายนจนถึงเดือนพฤษภาคมนี้ ประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะสามารถควบคุมโรคได้ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินมาตรการด้านการควบคุมโรคที่ใช้หลายมาตรการควบคู่กัน และที่สำคัญเกิดจากความร่วมมือของประชาชนทุกคน และ ทุกภาคส่วนเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค อีกทั้งยังเห็นภาพของการช่วยเหลือกันอีกด้วย ซึ่งในขณะนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ได้มีการผ่อนปรนมาตรการป้องกันโรคและกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานกลางของแต่ละกิจการและกิจกรรม โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก และพิจารณาปัจจัยด้านสังคมและเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการได้มีการปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและสามารถเดินทางได้มากขึ้นในการผ่อนปรนระยะถัดไป ให้ประเทศไทยผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีความยินดีอย่างยิ่ง ที่จะร่วมมือและสนับสนุนการสร้างความเชื่อมั่นให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่จะกลับมาเป็นประเทศผู้นำด้านการท่องเที่ยวของโลกอีกครั้ง

 

นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากวิกฤติดังกล่าว อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมแรกที่ได้รับผลกระทบและอาจจะเป็นอุตสาหกรรมสุดท้ายที่ฟื้นกลับเข้าสู่ภาวะปกติ  ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับตัวครั้งสำคัญเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้มอบหมายให้ ททท. ปรับนโยบายให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีภายใต้พันธกิจของ ททท. โดยนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญ คือ การยกระดับมาตรฐานด้านความสะอาดและสุขอนามัย ตามแนวคิด “ซ่อม-สร้าง” เพื่อกระตุ้นให้สถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เตรียมความพร้อมในการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีปกติใหม่ (New Normal) ที่ไม่เพียงแต่การนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีเหมือนอย่างที่เคยปฏิบัติกันมา ยังมีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของโรคติดต่อไวรัสโควิด-19 และการสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและ ชาวต่างประเทศในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศไทยอย่างมีความสุข และมีประสบการณ์ที่ดี และทำให้การท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งเสาหลักทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป

 

แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร  อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย ยินดีอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการสร้างความมั่นใจด้านสุขอนามัยให้การเปิดบริการกิจการต่าง ๆ โดยการกำหนดแนวทางการป้องกันโรค เชื่อว่าด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน จะช่วยทำให้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็ว และสิ่งสำคัญทุกคนต้องมีการปรับตัวและพัฒนายกระดับด้านสุขอนามัยและสุขาภิบาล (Hygiene and Sanitation) ให้ดียิ่งขึ้นเพราะเป็นปัจจัยสำคัญพื้นฐานที่จำเป็นต่อการป้องกันโรคติดต่อต่าง ๆ อีกทั้ง ต้องอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อใช้ ชีวิตวิถีใหม่ของนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขและ ททท. ได้ร่วมกันจัดทำมาตรฐาน SHA เรียบร้อยแล้ว และกรมอนามัย ยังมีคู่มือและแนวทางการดำเนินงานที่พร้อมสนับสนุนสถานประกอบการในภาคการท่องเที่ยวและการกีฬา นอกจากนี้ ยังมีทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทั้งระดับเขต จังหวัด อำเภอ ที่มีความรู้และสามารถให้คำแนะนำด้านการป้องกันโรค สุขลักษณะ สุขาภิบาล และอนามัยสิ่งแวดล้อมได้ อีกทั้งยังมีคณะกรรมการร่วม 2 กระทรวง ที่ขับเคลื่อนร่วมกันที่จะจัดทำแผนการงานอย่างต่อเนื่อง

 

ถึงแม้ขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของไทยจะดีขึ้น แต่ประชาชนทุกคนยังต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เมื่อออกจากบ้านหรือเดินทางท่องเที่ยว ล้างมือบ่อย ๆ และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร  ส่วนผู้ประกอบการก็ต้องให้ความสำคัญเรื่องการทำความสะอาดอาคาร สถานที่ บริเวณโดยรอบและบริเวณที่อาจมีการปนเปื้อนหรือมีการสัมผัสบ่อย ๆ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ จึงจะมั่นใจได้ว่าสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ในภาคการท่องเที่ยว เอื้อต่อการมีสุขภาพดี จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการได้อย่างดี

 

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวในรายละเอียดว่า โครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA คือ ความตั้งใจของ ททท. ที่จะสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวหรือผู้มาใช้บริการหลังจากสถานการณ์โควิด-19 อยู่ในระดับที่ปลอดภัยสำหรับการเดินทาง ด้วยการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ดำเนินการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทั้งด้านการบริการและด้านสุขอนามัยให้เป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุข โดยกิจการที่สามารถขอรับมาตรฐาน SHA  แบ่งเป็น 10 ประเภทกิจการ ดังนี้ 1. ประเภทภัตตาคาร/ร้านอาหาร 2. ประเภทโรงแรม/ที่พักและสถานที่จัดประชุม 3. ประเภทนันทนาการและสถานที่ท่องเที่ยว 4. ประเภทยานพาหนะ 5. ประเภทบริษัทนำเที่ยว 6. ประเภทสุขภาพและความงาม 7. ประเภทห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า 8. ประเภทกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว 9.ประเภทการจัดกิจกรรม การจัดประชุม (MICE) โรงละคร โรงมหรสพ และ 10. ประเภทร้านค้าของที่ระลึกและร้านค้า อื่นๆ โดยได้มีมาตรฐานเบื้องต้นจากกรมควบคุมโรคของทุกสถานประกอบการ มี 3 องค์ประกอบ  คือ 1. สุขลักษณะอาคารและอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีอยู่ในอาคาร 2. การจัดอุปกรณ์ทำความสะอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค และ 3. การป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ทั้งนี้ มีรายละเอียดของมาตรฐานเฉพาะประเภทกิจการเพิ่มเติม โดยผู้ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจะได้รับตราสัญลักษณ์ SHA ต่อไป

 

 

ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ททท. จะเป็นผู้ควบคุมการออกตราสัญลักษณ์โดยการระบุหมายเลขของตราสัญลักษณ์ SHA ให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อบันทึกเป็นฐานข้อมูลรายชื่อ ซึ่งมีอายุ 2 ปี และหากพบว่าผู้ประกอบการไม่สามารถรักษามาตรฐาน SHA ได้ ในเบื้องต้นจะแจ้งให้ผู้ประกอบการพัฒนาและปรับปรุง หากยังไม่สามารถรักษามาตรฐานได้ก็จำเป็นต้องเพิกถอนตราสัญลักษณ์และตัดรายชื่อออกจากฐานข้อมูล SHA สำหรับสถานประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด โดยสามารถศึกษาแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐาน SHA ซึ่งดาวน์โหลดเป็น e-Book ได้ที่ https://thailandsha.tourismthailand.org/ebook จากนั้นปรับปรุงสถานประกอบการให้เป็นไปตามมาตรฐาน SHA และสมัครขอรับการตรวจและรับตราสัญลักษณ์ SHA ได้ที่ www.tourismthailand.org/thailandsha หลังจากนั้น พันธมิตรของโครงการ เช่น สภา สมาพันธ์ หรือสมาคมต่างๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ผู้ประกอบการนั้น ๆ เป็นสมาชิก จะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ (Checklist) และให้การรับรองว่าผู้ประกอบการได้ดำเนินการตามมาตรฐาน SHA หรือหากไม่เป็นสมาชิกของสมาคมท่องเที่ยวใด ททท. จะประสานผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจสอบ ทั้งนี้ ททท. จะเป็นผู้รวบรวมขั้นตอนสุดท้ายก่อนมอบตราสัญลักษณ์ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 - 3 สัปดาห์                  

 

นอกจากนี้ ททท. เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ช่วยตรวจสอบสถานประกอบการหรือกิจการที่ได้รับสัญลักษณ์ SHA อีกทางหนึ่ง เพื่อเป็นเสียงสะท้อน (Voice of Customers : VOC) จากการใช้บริการ นอกจากนี้   มีคณะกรรมการตรวจสอบมาตรฐาน SHA ประกอบด้วยกรมอนามัย สาธารณสุขจังหวัด กรมการท่องเที่ยว ททท.  และ อพท. สุ่มตรวจประเมินเป็นระยะอีกด้วย

 

สำหรับผู้ที่ได้รับรองมาตรฐาน SHA  ททท. จะประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ททท. ได้เปิดให้ลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการตรวจสอบตามมาตรฐาน SHA ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นมาในขณะนี้มีผู้สนใจทยอยลงทะเบียนจำนวนมาก สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ทาง thailandsha@gmail.com หรือ Line Official : @thailandsha  และ 1672 เพื่อนร่วมทาง

ภาพข่าวประชาสัมพันธ์

ข่าวล่าสุด

ททท. จัดงาน NAS SUMMIT BANGKOK 2025 อีเวนต์ระดับโลกของคอนเท้นต์ครีเอเตอร์กว่า 1,000 ราย ร่วมแลกเปลี่ยนไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจ และถ่ายทอดประสบการณ์ท่องเที่ยวประเทศไทยไปทั่วโลก
ททท. ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพตลาดเม็กซิโกเที่ยวไทย ร่วมกับพันธมิตรเปิดตัวแคมเปญ Thailand Special Deal พร้อมปลุกเสน่ห์ไทยในงาน Thai Festival Mexico 2025 เฉลิมฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เม็กซิโกในปี 2568
ททท. เผย ประชาชนใช้สิทธิจองที่พัก “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เมืองหลักเต็มจำนวนแล้ว เชิญชวนใช้สิทธิ์เดินทางเมืองน่าเที่ยวต่อเนื่อง คาดหยุดยาววันแม่นักท่องเที่ยวไทยเดินทาง 3.16 ล้านคน-ครั้ง

ข่าวที่น่าสนใจ